วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ผู้นำ

สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้ขอนอกเรื่องจากวัตถุประสงค์ของblogกันซักหนึ่งบทความนะครับ พอดีวันนี้ได้อ่านหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คอลัมภ์ กิเลน ประลองเชิง เลยขอนำมาเสนอให้ท่านผู้อ่านที่เป็นผู้นำหรือกำลังจะเป็นศึกษาดูนะครับ คิดว่าเป็นประโยชน์มากสำหรับผู้นำ ที่อยากทราบลักษณะของผู้นำที่ดี ว่าควรจะเป็นอย่างไร หรือควรลด ละ เลิก หรือปรับปรุงตัวเราเอง มาดูกันครับว่า ผู้นำต้องปรับปรุงเรื่องอะไรกันบ้าง ขออนุญาตยกมาทั้งหมดเลยละกันนะครับเพื่อไม่ให้ความสมบูรณ์ของเนื้อหาสูญหายไป เชิญท่านผู้นำทั้งหลายลองอ่านกันดูนะครับ

จวงจื๊อเขียนถึงขงจื๊อ (มรดกจากเต๋า เพื่อเยาวชนไทย จวงจื๊อจอมปราชญ์ บุญศักดิ์ แสงระวี แปล) ตอนหนึ่งว่า วันหนึ่ง ในป่าดำริมทะเลสาบ ขงจื๊อนั่งดีดพิณร้องเพลง

ชายชราชาวประมง คิ้วขาว หนวดขาวยาวย้อยต่ำ ผมขาวกระจายคลุมไหล่ สองมือยัดใส่ในแขนเสื้อ เดินช้าๆ เข้ามาคุกเข่า มือขวา เท้าคาง นั่งฟังเสียงเพลงของขงจื๊ออย่างตั้งใจ

เพลง จบ ชายชราแนะนำตัวกับศิษย์ขงจื๊อว่าชื่อหยีฟู่ ถามว่าคนดีดพิณเป็นใคร ได้รับคำบอกว่า เป็นสุภาพชนแคว้นหลู่ ตระกูลแซ่ข่ง เป็นผู้บรรยายเรื่องเมตตาธรรม คุณธรรม จริยธรรม และดนตรี

เบื้องบนรับใช้ประมุขอย่างซื่อสัตย์ เบื้องล่างกล่อมเกลาราษฎร ให้แผ่นดินนี้มีสันติ

"เช่นนั้น เขาคงเป็นศักดินาชน เป็นขุนนางผู้ใหญ่ของเจ้าผู้ครองแคว้น"

เมื่อ ศิษย์ขงจื๊อปฏิเสธว่าไม่ใช่ หยีฟู่ก็หัวเราะลั่น "เขาเหนื่อยยากปานนี้ น่ายกย่อง แต่ถ้าเขายังขืนทำเช่นนี้ต่อไป เขาจะยิ่งห่างจากมหามรรคออกไปทุกวัน"

พูดจบแล้วหยีฟู่ก็เดินจากไป ขงจื๊อฟังคำหยีฟู่จากศิษย์ ก็รู้ว่าชายชราผู้นี้มีสติปัญญาล้ำเลิศ ก็รีบลุกเดินตามไปทัน ขณะที่หยีฟู่ กำลังก้าวลงเรือ

"ถ้อยคำที่ ท่านกล่าว ดูเหมือนจะยังไม่จบ" ขงจื๊อนอบน้อม "ข้าพเจ้ารักการศึกษามาแต่เด็ก ขณะนี้อายุ 69 ปี ยังโง่เขลา ยังมิได้ฟังมหามรรค ใคร่ขอคำสั่งสอนจากท่านอีก"

"คนเรามีโรคร้าย 8 ประการ ความทุกข์ 4 ประการ" หยีฟู่วิสัชนา "จะไม่สนใจมิได้"

"ทำ ในสิ่งที่ท่านไม่ควรกระทำ นี่เรียกว่า แส่เสือก คนอื่นเขาไม่เชื่อในถ้อยคำของท่าน แต่ท่านก็พูดไม่รู้จบ นี่เรียกว่า เพ้อพล่าม พูดในสิ่งที่คนอื่นเขาอยากจะฟัง นี่เรียกว่า ประจบ

ไม่ รู้ดีชั่ว เออออตามคนอื่นเขา นี่เรียกว่า สอพลอ ชอบนินทาความผิดของคนอื่น นี่เรียกว่าใส่ไคล้ ทำลายความสัมพันธ์ของคนอื่น นี่เรียกว่า ยุแยง คนที่ยกย่องคนชั่ว ขับไล่คนที่ตนเกลียดชัง นี่เรียกว่า เจ้าเล่ห์ ไม่แยกดีชั่ว ทำดีกับสองฝ่าย เพื่อให้เขาชอบ นี่เรียกว่า กลิ้งกลอก

โรคร้ายทั้ง 8 ประการนี้ ต่อภายนอกก็ก่อกวนคนอื่น ต่อภายในก็ทำร้ายตัวเอง นี่เป็นสิ่งที่ผู้มีสติปัญญามิยอมชิดใกล้"

"ถ้าเช่นนั้น ที่ว่าความทุกข์ 4 ประการนั่นเล่า คืออย่างไร" ขงจื๊อถาม

หยี ฟู่ตอบว่า คิดจะทำแต่เรื่องใหญ่ เพื่อหาชื่อเสียง นี่เรียกว่า มักใหญ่ ทำเป็นอวดฉลาด ทำอะไรตามใจชอบ เอาแต่ความคิดเห็นของตนเอง ไม่ คำนึงถึงการล่วงเกินผู้อื่น นี่เรียกว่า ถือดี

มองเห็นความผิดของตน แต่ไม่ยอมแก้ไข ครั้นเมื่อได้ฟังคำตักเตือนของคนอื่น ก็กลับโมโหโกรธา นี่เรียกว่า ยโส ถ้าความเห็นนั้นตรงกับตน ก็ว่าถูก ถ้าความเห็นนั้นไม่ตรงกับตน แม้จะดีก็ว่าไม่ดี

นี่เรียกว่า ทะนง

"คน คนหนึ่ง ถ้าหากมีความทุกข์ 4 ประการนี้แล้ว ก็ยากที่จะสนทนามหามรรคกับเขา" ขณะหยีฟู่กล่าว ขงจื๊อฟังแล้วสีหน้าเปลี่ยน ค้อมคำนับอีกสามครา หยีฟู่ขอตัวลงเรือล่องลับตาไปในทะเลสาบ

หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่พิมพ์เพื่อเยาวชนไทย จึงมีภาคการ์ตูน คำ "มหามรรค" ในภาคการ์ตูน ถูกเฉลยว่า คือการแสวงหาสติปัญญาอันเลิศ

บทสรุปคำสอน จากหยีฟู่ หากผู้นำยังติดข้อง 8 โรคร้าย จมอยู่กับ 4 ความทุกข์ โอกาสที่จะบรรลุถึงขั้น "สติปัญญาเลิศ" นำมาแก้ปัญหาให้บ้านเมือง สร้างความสงบให้แผ่นดิน ก็คงไม่มี.

ที่มา คอมลัมภ์ กิเลน ประลองเชิง หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 25 สิงหาคม 2553

ท่านที่มิใช่ผู้นำก็สามารถอ่านได้นะครับ เพราะผมว่าจริงๆแล้วในชีวิตของเราทุกคนเป็นผู้นำอยู่แล้ว แล้วแต่ว่าเราอยู่ในสถานการณ์ใด ว่าแต่ 8 โรคร้ายกับอีก 4 ความทุกข์นี่ที่กล่าวมานี่ช่างโดนใจผู้นำตัวเล็กๆอย่างผมเหลือเกิน ลองปรับปรุงกันนะครับท่านผู้นำทั้งหลาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Yahoo bot last visit powered by  Ybotvisit.com