วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554

รีไฟแนนซ์บัตรเครดิตด้วยสินเชื่อบุคคล (Personal loan)

การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตเป็นวิธีการหนึ่งในการแก้ปัญหาหนี้สินของคนยุคใช้บัตรเครดิตแทนเงินสด โดยปกติแล้ว หลักการใช้จ่ายด้วยบัตรเครดิตให้ได้ประโยชน์ซึ่งได้เคยกล่าวมาแล้วใน blog นี้ แต่จะขอกล่าวอีกครั้ง ว่าสิ่งสำคัญคือท่านต้องชำระคืน 100% ในระยะเวลาที่กำหนดของบัตรเครดิตแต่ละใบครับ ซึ่งจะทำให้ท่านผู้อ่านไม่ต้องเสียดอกเบี้ยบัตรเครดิตซึ่งมีอัตราค่อนข้างสูงประมาณ 28% ต่อปีซึ่งการคำนวณดอกเบี้ยก็สามารถทำได้ง่ายโดยใช้สูตร excel ในปัจจุบันหลายท่านประสบปัญหาในการจ่ายชำระบัตรเครดิตในเงื่อนไขดังกล่าว และเริ่มมีการจ่ายไม่เต็มวงเงินที่ใช้ ซึ่งตรงจุดนี้ทำให้ในงวดถัดมาเราต้องเสียดอกเบี้ยให้กับเจ้าของบัตรเครดิตนั้นครับ และที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือเมื่อเริ่มติดค้างเงินต้นและดอกเบี้ยบัตรเครดิตมากขึ้นหลายท่านเริ่มจ่ายในอัตราขั้นต่ำ 10% ซึ่งตรงนี้ทำให้เกินอาการดอกทบต้น ต้นทบดอกมากขึ้นเรื่อยๆ จะสังเกตุว่าปัจจัยที่เราต้องพบกับปัญหานี้ก็คือระยะเวลาในการชำระหนี้สั้นเกินไปและยอดขั้นต่ำที่ต้องชำระ แต่ก็เป็นไปตามกฎของบัตรเครดิตอยู่แล้ว ดังนั้นการแก้ปัญหาเพื่อเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้บัตรเครดิตก็คือการกู้เงินจากสินเชื่อบุคคลมาชำระหนี้บัตรเครดิตที่ค้างไว้ และเราจะมีภาระกับสินเชื่อบุคคลต่อไปซึ่งการยืดระยะเวลาในการชำระหนี้ออกไปเป็นระยะยาวได้ ซึ่งวิธีการนี้จะเรียกว่า การรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต โดยอาศัยช่องทางของสินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งเปิดช่องให้ท่านกู้เงินได้ในระยะยาว 5 – 6 ปี ได้ ซึ่งจะทำให้ท่านลดภาระในการผ่อนชำระลงได้ แต่ข้อสำคัญนะครับ อย่าปล่อยให้ปัญหาการผ่อนชำระบัตรเครดิตของท่านยืดเยื้อจนท่านติดเครดิตบูโร ซึ่งจะทำให้โอกาสที่ท่านจะขอสินเชื่อบุคคลผ่านนั้นทำได้ยากมากขึ้น การเลือกสถาบันการเงินที่ให้สินเชื่อส่วนบุคคลนั้นมีหลักการพิจารณาดังนี้

1. อัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับเงินกู้ที่ท่านต้องการและอาจจะมีอัตราที่ต่ำกว่าบัตรเครดิต

2. ระยะเวลาของสินเชื่อ ผมได้นำเสนอวิธีการสร้างตารางการผ่อนชำระสินเชื่อ ซึ่งเราควรจะเลือกระยะเวลาที่เราสามารถผ่อนชำระต่อเดือนได้อย่างพอเพียง และไม่กระทบกับการดำเนินชีวิตอื่นๆ

3. จำนวนเงินผ่อนชำระต่อเดือนต้องสมดุลกับรายรับรายจ่ายแต่ละเดือน แนะนำว่าควรทำบัญชีรายรับรายจ่ายไว้ครับ

ครับบทความนี้ผมตั้งใจจะนำเสนอวิธีการรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตด้วยการขอสินเชื่อเพราะมีข้อดีอย่างหนึ่งคือ อัตราดอกเบี้ยจะต่ำกว่าบัตรเครดิต แต่ก็ยังมีความเสี่ยงตรงที่อาจจะไม่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อก็เป็นได้ครับ โดยสถาบันการเงินจะตรวจสอบประวัติของท่านก่อนการอนุมัติสินเชื่ออยู่แล้ว ดังนั้นวิธีการนี้จะเหมาะสำหรับกรณีที่สถานะการเงินของท่านยังไม่วิกฤตมากนักครับ และอีกอย่างหนึ่งท่านผู้อ่านอย่าไปคำนวณดอกเบี้ยทั้งหมดที่เราต้องจ่ายให้กับแหล่งให้สินเชื่อนะครับ เสียเวลาปล่าวๆ เราต้องทำใจกับดอกเบี้ยก้อนนี้ และสุดท้ายที่สำคัญอย่าสร้างหนี้ก้อนใหม่จากบัตรเครดิตขึ้นมาอีกจนไม่สมดุลกับรายรับรายจ่ายนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Yahoo bot last visit powered by  Ybotvisit.com