วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2563

แบบจำลองจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 (Exponential Growth with COVID-19)

จากบทความการหาสาเหตุรากเหง้าของการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ทราบถึงวิธีการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปแล้ว  ซึ่งเราใช้เทคนิด Why Why Analysis ในการวิเคราะห์ ปรากกฎการณ์ เชื้อไวรัสโควิด-19 เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ แน่นอนว่าหลังจากหา Root cause ได้แล้วก็ต้องกำหนดวิธีการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กัน ในบทความนี้ผมจะเสนอแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ใช้อธิบายจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะใช้ติดตามผลของมาตรการป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่เบื้องต้น มาดูหลักของการติดเชื้อของโรคระบาดกันก่อน
      ในระบบชีวภาพใดๆ หากใส่สิ่งมีชีวิตเข้าไปในสภาพที่สามารถเจริญเติบโตได้ด้วยทรัพยากรที่ไม่จำกัด และไม่มีผู้ล่าหรือคู่แข่ง มันจะเติบโตในรูปแบบเดียวกันเสมอ โดยจะเพิ่มขึ้นแบบทวีคูณ จนกระทั่งสมมุติฐานข้อใดข้อหนึ่งไม่เป็นจริง การเติบโตจะช้าลงและถือเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจวิธีการลดการระบาดในปัจจุบัน
         ในกรณีของเชื้อไวรัสโควิด-19 การเติบโตแบบ Exponential จะเกิดขึ้นในอัตราการเกิดโรคในมนุษย์ ตราบใดที่
  1. มีผู้ติดเชื้ออย่างน้อยหนึ่งคนในกลุ่มประชากร
  2. มีการติดต่อกันระหว่างผู้ติดเชื้อและไม่ติดเชื้อของประชากร
  3. มีโอสต์ที่มีศักยภาพที่ไม่ติดเชื้อจำนวนมากในกลุ่มประชากร
    การเติบโตแบบ Exponential เป็นฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์ใช้อธิบายได้หลากหลายสถานการณ์ แบบจำลองนี้บอกจำนวนผู้ป่วยในช่วงเวลาหนึ่ง ในกรณีของไวรัสโควิด-19 ก็คือจำนวนผู้ติดเชื้อนั่นเอง

แบบจำลองการเติบโตแบบ Exponential มีรูปแบบดังนี้

โดยที่
x(t) คือ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เวลา t ใดๆ
x0 คือ จำนวนเคสที่เริ่มต้นจะเรียกว่า ค่าเริ่มต้น
b  คือ ปัจจัยการเจริญเติบโต (Growth Factor)

พิจารณาจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอเมริกา แสดงดังภาพ


           จากกราฟจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในอเมริกา มีลักษณะการเติบโตแบบ Exponential ซึ่งเป็นการยืนยันว่า ปรากฎการณ์การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถใช้แบบจำลองการเติบโตแบบ Exponential ได้

หากสมมุติให้ มีเคสการเติบโต 2 สถานการณ์คือ
1. ผู้ติดเชื้อเริ่มต้น x0 = 1 , ผู้ป่วย 1 คนแพร่เชื้อให้คนอื่น b = 2.0     จำนวนผู้ติดเชื้อ 0 - 14 วัน 
2. ผู้ติดเชื้อเริ่มต้น x0 = 1 , ผู้ป่วย 1 คนแพร่เชื้อให้คนอื่น b = 1.5     จำนวนผู้ติดเชื้อ 0 - 14 วัน

สามารถคำนวณได้ตามแบบจำลอง x(t) = 1*(b^t)  


      จาก 2 สถานการณ์ที่กำหนดขึ้น จะเห็นว่า ปัจจัยการเติบโต เป็นตัวแปรที่สำคัญมาก การลดปัจจัยการเติบโต จะทำให้ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดลดลงได้มาก ซึ่งในปัจจุบันการลด ปัจจัยการเติบโต ก็คือมาตรการที่แพทย์ได้ให้คำแนะนำ ซึ่งก็มากจากการทำ Root Cause Analysis นั่นเอง ดังนั้นการจะประเมินผลลัพธ์หรือความสำเร็จของมาตรการการป้องกันการแพร่ของเชื้อก็คือ ปัจจัยการเติบโต (Growth Factor) ในบทความต่อไปเราจะนำเสนอการคำนวณ Growth Factor ซึ่งจะอาศัยวิธีการวิเคราะห์การถดถอยและสมการเชิงเส้นที่เคยนำเสนอไปแล้วครับ









วันพุธที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563

สาเหตุรากเหง้าการติดเชื้อและวิธีป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 (Covid-19)

เป็นที่ทราบกันดีว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 มุ่งโจมตีระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง (ปอด) ในบทความนี้ผมได้ใช้เทคนิค Why Why Analysis มาช่วยวิเคราะห์ สาเหตุรากเหง้าของการติดเชื้อโควิด-19 (Root Cause) เพื่อที่จะย้ำเตือนวิธีการแก้ปัญหาการติดเชื้อโควิด-19 อย่างถูกต้องและมั่นใจ ก่อนอื่นเราจะเริ่มจากทฤษฎีและหลักการที่เกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสโควิด-19 ก่อนครับ จะขอสรุปอย่างสั้นๆดังนี้ครับ
ไวรัสโควิด-19 เป็นเชื้อที่ติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ เข้าสู่ร่างกายผ่านทางระบบทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ตา จมูก ปาก โควิด-19 เป็นไวรัสประเภทที่มีเปลือกหุ้มและมีหนามกระจายอยู่รอบๆเปลือกเพื่อทำหน้าที่ยึดเกาะกับเซลล์ของผู้รับ (Host) 

เริ่มต้นจะเริ่มจากปรากฎการณ์ขณะที่เชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ (One Cut scene)  จากปรากฏการณ์นี้เราจะเริ่มทำการตั้งคำถาม Why เพื่อลงลึกถึงสาเหตุรากเหง้าของการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะได้ ผล RCA (Root cause analysis)  ดังภาพครับ

Covid-19

จากสาเหตุรากเหง้าที่วิเคราะห์ได้ ก็จะนำมาสู่วิธีการป้องกัน เนื่องจาก สาเหตุรากเหง้าของการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 คือ ผู้ติดเชื้อมีการไอหรือจาม หรือใช้มือสัมผัสวัตถุต่างๆ ดังนั้น วิธีการป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ทำได้ดังนี้
1. อยู่ห่างกันในระยะมากกว่า 2 เมตร Social distancing (ข้อนี้มีหลักการและทฤษฎีรองรับว่า หากมีการไอหรือจาม เชื้อจะกระจายไปได้ไกลไม่เกิน 2 เมตร ก็จะตกสู่พื้น และยังลดการสัมผัสกันระหว่างบุุคคล)
2. ไม่เข้าไปอยู่ในสถานที่แออัด
3. สวมหน้ากากอนามัย
4. จาก RCA เชื้อโควิด-19 ติดมากับมือของผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัส ดังนั้นต้องกำจัดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเกาะติดอยู่ที่มือ ดังนั้น จากลักษณะกายภาพของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีไขมันและโปรตีนเป็นเปลือกหุ้ม การใช้สบู่ล้างมือจะเป็นการกำจัดเชื้อไวรัสได้ดี (ดูหลักการได้ที่นี่)
5. Work from home เป็นวิธีการที่จะลดการติดเชื้อได้ดีมากเนื่องจากไม่มีการติดต่อหรือสัมผัสกันจึงตัดวงจรของการติดเชื้อได้
6. ใช้สบู่หรือน้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดวัตถุต่างๆในบริเวณที่อยู่อาศัยเพื่อไม่ให้เชื้อไวรัสโควิดเกาะติดอยู่ เช่น ลูกบิดประตู โทรศัพท์มือถือ ชักโครก ฯลฯ
7. ในส่วนของพื้นที่สาธารณะ อย่างที่เราเห็น กองทัพบก ได้ดำเนินการฆ่าเชื้อมาหลายวันแล้ว

จากการวิเคราะห์สาเหตุรากเหง้าของการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่นำเสนอไป และนำไปสู่วิธีการป้องกันการติดเชื้อในหัวข้อหลักๆไปแล้ว สุดท้าย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สติต้องตื่นรู้ในกิจกรรมที่เราต้องดำเนินชีวิตทุกครั้ง ล้างมือด้วยสบู่ หรือแอลกอฮอล์ ความเข้มข้น 70 % v/v  ก่อนสัมผัสใบหน้าหรือทางเดินหายใจตอนบน และสวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกนอกบ้านหรืออยู่ในที่แออัดระยะห่างน้อยกว่า 2 เมตร ให้นึกถึง ซีน เชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังเข้าสู่ ปาก จมูก ตา  ครับ ท้ายสุดหากมีความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่าลืม บริหารความเสี่ยง ด้วยการทำประกันสุขภาพที่ครอบคลุม ไวรัสโควิด-19 ด้วยนะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2563

สิ่งที่ต้องคำนึงสำหรับประกันสุขภาพ ไวรัสโควิด-19 (Covid-19 insurance)

การทำประกันสุขภาพเป็นการจัดการความเสี่ยงด้านสุขภาพที่จำเป็นมากวิธีหนึ่งในปัจจุบัน สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธ์ใหม่ หรือ ไวรัสโควิด-19 กำลังเป็นสิ่งที่ทุกคนเฝ้าระวัง ซึ่งบริษัทประกันภัยต่างๆได้เล็งเห็นความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของประชาชน จึงได้ออกกรมธรรม์ประกันสุขภาพที่ครอบคลุม การติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งระยะหลังเราจะพบหลากหลายรูปแบบ โดยเบี้ยประกันสุขภาพที่ครอบคุลม โควิด-19 อยู่ประมาณ 300 - 900 บาทต่อปี ซึ่งถือว่าเป็นเบี้ยประกันสุขภาพที่ไม่แพงเกินไปนัก แต่ก่อนที่จะตัดสินใจเลือกกรมธรรม์ประกันสุขภาพโควิด-19 ผมอยากฝากสิ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนตัดสินใจ เนื่องด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังย่ำแย่ไว้ดังนี้ครับ
1. หากท่านมีประกันสุขภาพอยู่แล้ว ให้ตรวจสอบความคุ้มครอง หรือโทรปรึกษาบริษัทประกันภัย กรมธรรม์ครอบคลุมถึง โรคการติดเชื้อจากไวรัส โควิด-19 หรือไม่ ทำให้อาจจะไม่ต้องทำประกันสุขภาพที่คุ้มครอง การติดเชื้อจาก โควิด-19 โดยตรง ก็เป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายลงได้ครับ
2. เนื่องจาก Root cause ของการติดเชื้อไวรัส โควิด-19 คือการสัมผัสเชื้อไวรัสโควิด-19 ผ่านระบบทางเดินหายใจ หากเราวิเคราะห์ความเสี่ยงในการติดเชื้อ ของเราแล้วพบว่ามีความเสี่ยงน้อย เช่น ไม่อยู่ในที่ชุมนุมแออัด ไม่ได้เดินทางไปไหนมาไหนด้วยระบบขนส่งมวลชน ไม่มีผู้ใกล้ชิดเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19  ลักษณะแบบนี้ อาจจะไม่ต้องทำประกันสุขภาพที่ครอบคลุมการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ครับ
3. หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ การดำเนินชีวิตมีความเสี่ยงสูง และเราต้องการจัดการความเสี่ยงการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เราต้องศึกษาข้อมูลของกรมธรรม์ให้ละเอียด ทั้งในส่วนของความคุ้มครอง เบี้ยประกัน และระยะเวลาคุ้มครอง ระยะฟักตัวของเชื้อไวรัสของหลายๆบริษัทประกันภัยด้วยครับ 

สุดท้ายผมอยากจะฝากข้อคิดอันหนึ่งนะครับ หากจะประเมินสถานการณ์การระบาดของ ไวรัส โควิด-19 เพื่อประกอบการพิจารณา การทำประกันสุขภาพ ไวรัสโควิด-19 อาจจะต้องดูเบี้ยประกันประกอบด้วย หากเบี้ยประกันแพงขึ้นกว่าเดิม เป็นไปได้ว่าสถานการณ์การระบาดของ ไวรัสโควิด-19 ในประเทศกำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤต ได้ ก็ผมบอกแล้วว่า การประกันสุขภาพเป็นการจัดการความเสี่ยงด้านสุขภาพ  ดังนั้นหากมีความเสี่ยงสูงที่จะมีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นวงกว้าง บริษัทประกันภัยทั้งหลายก็ต้องปรับเบี้ยประกัน ให้ครอบคลุมความเสี่ยงละครับ ก็ฝากให้ทุกๆท่าน นำไปพิจารณาสถานการณ์ เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกทำประกันสุขภาพที่คอบคลุม การติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กันต่อไปนะครับ 

วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2563

1 ในปัญหาที่พบบ่อยในบ้าน : ท่อฉีดปลวกถูกละเลย (Home's problem)

         สิ่งสำคัญหลังจากเราซื้อที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น บ้าน ทาวน์โฮม ทาวน์เฮ้าส์ คือการป้องกันปลวกมาทำลาย ปลวกพบได้ทั่วไป ปลวกกินอาหารจากซากพืชและเซลลูโลสจากไม้ เศษใบไม้ ดิน หรือมูลสัตว์ นับว่าเป็นผู้บริโภคซากพืชซากสัตว์ที่สำคัญ โดยเฉพาะในเขตร้อนและเขตกึ่งร้อน การป้องกันไม่ให้ปลวกเข้ามาทำรังหรือกัดกินไม้ในที่อยุ่อาศัย ทำได้โดยการกำจัดปลวกด้วยสารเคมี หรือที่เรียกกันง่ายๆว่า การฉีดปลวก ปัญหาที่ผมพบด้วยตัวเองที่อยากจะนำเสนอเป็นข้อควรระวังให้กับท่านผู้อ่าน คือ การจัดการท่อฉีดปลวก โดยทั่วไป บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด จะมีการออกแบบท่อสำหรับฉีดน้ำยาฉีดปลวก บริเวณพื้นดินใต้ที่อยู่อาศัยของเรา โดยส่วนใหญ่ระบบท่อฉีดปลวกมักจะมีจัดที่ให้ บริษัทรับกำจัดปลวก อัดน้ำยาฉีดปลวกอยุ่จุดหนึ่ง ส่วนใหญ่จะเป็นด้านหลังของบ้าน และแน่นอนว่า หลังจากเราซื้อบ้านแล้ว เรามักจะต่อเติมพื้นที่หลังบ้านเป็นห้องครัวหรือห้องเก็บของ ซึ่งผู้รับเหมาก็มักจะปรับพื้นเทพื้น ปัญหาอยู่ตรงนี้ครับ ผู้รับเหมามักจะละเลยท่อฉีดปลวกที่โผล่จากพื้นดิน สำหรับให้บริษัทรับกำจัดปลวก มาอัดน้ำยาฉีดปลวก ในแต่ละรอบเวลาการดูแล โดยการเทพืันซีเมนต์ทับ ท่อฉีดปลวกดังกล่าว ดังนั้น จึงอยากให้ข้อมูลกับท่านผู้อ่านที่เพิ่งซื้อบ้านให้ช่วยกำชับขั้นตอนนี้ให้ดี เพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว บ้านของผมโดนผู้รับเหมาเทพื้นทับไปแล้ว สุดท้ายต้อง เจาะพื้น ทำการต่อท่อฉีดปลวกให้สูงพ้นความหนาของพื้นที่เททับ เพื่อให้บริษัทรับกำจัดปลวก ทำการอัดน้ำยาฉีดปลวกได้ ซึ่งเสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายเพิ่ม แต่ถึงอย่างไร ก็ต้องดำเนินการครับ มิเช่นนั้นปลวกอาจจะอพยพจากบ้านหลังอื่นที่เขาฉีดกำจัดปลวกมาอยู่บ้านเราได้ครับ ซึ่งจะสร้างความเสียหายมากกว่าเยอะครับ



สภาพพื้นที่ต้องเจาะสำหรับต่อท่อฉีดปลวก
Yahoo bot last visit powered by  Ybotvisit.com