ในบทความนี้จะขอนำเสนอรูปแบบของการประกันชีวิต ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับท่านผู้อ่านเวลามีผู้มานำเสนอขายประกัน หลังจากที่นำเสนอแนวคิดการบริหารความเสี่ยงในชีวิตและทรัพย์สินไปแล้ว ในบทความนี้จะขอนำเสนอลักษณะการให้ความคุ้มครองรวมถึงเบี้ยประกันภัยของการประกันชีวิตแบบต่างๆ เพื่อช่วยพิจารณาเลือกรูปแบบการประกันชีวิตที่สอดคล้องกับความต้องการและความจำเป็นของท่านผู้อ่านเอง โดยขอแบ่งรูปแบบการประกันชีวิตไว้เป็น 4 รูปแบบดังนี้
1. การประกันแบบรายได้ประจำ (Annuity insurance) เป็นการประกันที่บริษัทประกันภัยจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้เอาประกันเป็นงวดๆเมื่อผู้ทำประกันออกจากงานหรือเกษียณอายุหรือเมื่อผู้เอาประกันมีอายุครบกำหนดตามสัญญา การประกันชีวิตแบบรายได้ประจำเหมาะสำหรับ
- บุคคลที่ประกอบอาชีพที่สามารถหารายได้ได้มากตอนอายุน้อย เช่นนักกีฬา
- บุคคลที่ทำงานในหน่วยงานที่ไม่มีกองทุนสำหรับการออมเงินเพื่อการเกษียณอายุ
- บุคคลที่ต้องการสร้างความมั่นคงให้แก่ตนเอง
2. การประกันแบบตลอดชีพ (Whole life insurance) เป็นการประกันที่บริษัทประกันจะจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้รับผลประโยชน์เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิตหรือจะจ่ายเงินชดเชยให้เมื่อผู้เอาประกันมีชีวิตอยู่จนอายุครบ 99 ปี การประกันชีวิตแบบนี้จะมีวิธีการจ่ายเบี้ยประกัน 3 วิธี คือ
- จ่ายครั้งเดียว
- จ่ายเป็นงวดๆไปตลอดชีวิต
- จ่ายเป็นงวดๆในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่นจ่ายเป็นงวดๆเป็นเวลา 10 ปี 20 ปี หลังจากนั้นไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันแต่ผู้เอาประกันยังได้รับความคุ้มครอง
การประกันชีวิตแบบตลอดชีพเหมาะสำหรับ
- ผู้มีรายได้ปานกลางถึงมาก
- ต้องการความคุ้มครองในระยะยาว
- ต้องการความคุ้มครองในวงเงินค่อนข้างสูง
- ต้องการสร้างความมั่นคงให้แก่ครอบครัว
3. การประกันแบบชั่วระยะเวลา คือการประกันที่บริษัทประกันจะจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้รับผลประโยชน์ ในกรณีทีผู้เอาประกันเสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาเท่านั่น กล่าวคือหากผู้เอาประกันไม่เสียชีวิตภายในระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาผู้เอาประกันจะไม่ได้รับเงินแต่อย่างใด การประกันชีวิตแบบนี้เบี้ยประกันค่อนข้างต่ำ เหมาะสำหรับ
- บุคคลมีรายได้น้อย
- บุคคลที่ต้องการความคุ้มครองในระยะเวลาหนึ่ง เช่น ผู้กู้ยืมเงินจากสถาบันการเงิน หรือนักท่องเที่ยวที่มักเดินทางไปตามที่ต่างๆ
- บุคคลที่ต้องการสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว
4. การประกันแบบสะสมทรัพย์ เป็นการประกันที่บริษัทประกันจะจ่ายเงินชดเชยให้กับผู้รับผลประโยชน์ในกรณีผู้เอาประกันเสียชีวิต หรือจะจ่ายเงินให้กับผู้เอาประกันในกรณีที่ผู้เอาประกันมีชีวิตอยู่จนครบกำหนด โดยผู้เอาประกันจะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันให้กับบริษัทประกันภัยภายในระยะเวลาที่กำหนด เช่น 10 ปี 25 ปี โดยการประกันชีวิตแบบนี้ถือเป็นการลงทุนแบบหนึ่ง โดยเหมาะสำหรับ
- บุคคลมีรายได้ปานกลางถึงมาก
- ต้องการความคุ้มครองในระยะยาว
- ต้องการสะสมเงินไว้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ
จะเห็นว่ารูปแบบของการประกันชีวิตมีให้เลือกหลายรูปแบบให้ผู้เอาประกันเลือกในการจัดการความเสี่ยง ในบทความต่อไปจะขอนำเสนอประโยชน์ในทางตรงและทางอ้อมของการทำประกันชีวิตให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบต่อไปครับ สวัสดีครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น